หลายคนคงจะเคยเจอกับเหตุการณ์รถติดอยู่บ่อยๆในขณะที่ฝนกำลังตก แล้วทำไมรถถึงชอบมาติดในช่วงนี้ บทความนี้จะมาบอกถึงสาเหตุที่ผู้คนมักสงสัยว่าทำไมฝนตกแล้วรถถึงติด ซึ่งก็จะมีอยู่ด้วยกันหลากหลายสาเหตุดังนี้
มีน้ำท่วมขังบนถนน
หากมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลทำให้ถนนในหลายพื้นที่มีน้ำท่วมขัง ซึ่งก็จะทำให้ผู้ขับขี่ที่ผ่านเส้นทางที่มีน้ำท่วมขังลดความเร็วลง นอกจากนี้หากถนนบางเส้นทางมีน้ำท่วมขังสูงจนทำให้รถไม่สามารถที่จะผ่านไปได้ ก็อาจจะต้องมีการปิดเส้นทางการจราจรนั้นๆด้วย
มีการนำรถออกมาใช้มากขึ้น
ในช่วงที่มีฝนตก บางคนที่ชอบขับรถมอเตอร์ไซค์ไปทำงานเพื่อความสะดวกรวดเร็ว อาจจะต้องเปลี่ยนใจมาใช้รถยนต์แทน เพราะไม่อยากที่จะเปียกฝน จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้บนถนนมีรถยนต์ที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลทำให้รถติดนั้นเอง
อาจเกิดอุบัติเหตุหลายจุดบนท้องถนน
เมื่อฝนตกลงมาก็จะทำให้ถนนลื่น ทัศนวิสัยในการมองเห็นบนถนนไม่ดีเท่าที่ควร ดังนั้นในหลายพื้นที่บนท้องถนนก็อาจเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ หากรถที่เกิดอุบัติเหตุนั้นไม่สามารถที่จะหลบเข้าข้างทางได้ ก็จะทำให้การจราจรบนท้องถนนเคลื่อนตัวได้ช้า
รถเสียบนถนน
สำหรับผู้ที่ใช้รถเก่ามีสภาพเครื่องยนต์เสื่อมโทรม แล้วรถต้องมาเจอฝนตกหนัก จนน้ำท่วมขังบนถนน ก็อาจทำให้มีน้ำเข้าไปในเครื่องยนต์แล้วส่งผลให้รถดับกลางทาง สตาร์ทไม่ติด ทำให้รถที่ตามมาข้างหลังชะลอความเร็วและเบี่ยงเบนเส้นทาง จึงทำให้รถติดมากขึ้นไปอีก
ระบบขนส่งมวลชนจอดรถนานขึ้น
ขณะที่ฝนตกการที่จะขึ้นรถและลงรถกับบริการขนส่งสาธารณะอาจทำได้ลำบาก เช่น รถหยุดรอผู้โดยสารนานขึ้น จะต้องกางร่มก่อนขณะขึ้นหรือลงรถเพื่อไม้ให้ตัวเองเปียก และหากมีเหตุการณ์แบบนี้กับรถหลายๆคัน ก็จะเกิดการเสียเวลาสะสม ส่งผลทำให้รถติดขึ้นมาได้
ผู้คนรีบกลับบ้าน
ในช่วงเย็นหากท้องฟ้าเริ่มมีเมฆดำมืดคลึ้ม ซึ่งเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ว่าอาจจะมีฝนตกได้ จึงทำให้หลายคนรีบเครียร์งานจากออฟฟิศให้เสร็จ เพื่อที่จะได้กลับบ้าน เมื่อมีคนคิดแบบนี้หลายๆคน ก็จะทำให้การจราจรบนท้องถนนมีมากขึ้น ส่งผลทำให้รถติดในช่วงเวลาที่ฝนตกได้
ได้รู้ถึงสาเหตุกันไปแล้วว่าทำไมฝนตกแล้วรถถึงติดกันอยู่บ่อยๆ และถึงแม้ว่ารถเริ่มมีการเคลื่อนตัวได้บ้าง คุณก็ไม่ควรรีบร้อนในการขับขี่ เพราะถนนนั้นจะลื่นจากฝนที่ตกลงมา ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุในการขับขี่รถบนท้องถนนในช่วงนี้ได้